น้ำหนักหายไปและรู้สึกแข็งแรงขึ้น


E49AA0D2-7B6E-4422-83B3-BE3FE8DBA9CE

ว่ากันว่าเมื่อย่างเข้าวัยสูงอายุ กล้ามเนื้อในร่างกายของเราก็จะค่อยๆสลายตัวไปตามธรรมชาติ เห็นชัดที่แขนขาจะลีบเล็กลง (อย่าหลงดีใจว่าขาเรียวขึ้น)

ดังนั้นจึงคิดว่าเราอย่าไปพยายามกินอะไร เช่นพวกโปรตีนที่เค้าบอกว่าจะสร้างกล้ามเนื้อ เพราะมันอาจจะไม่ได้ผลมากนัก และอาจจะส่งผลเสียจากการที่ร่างกายได้รับโปรตีนล้นเกินกลายเป็นพิษ และเป็นภาระแก่ตับไตเสียเปล่าๆ ลองหันมาออกกำลังกลางแจ้งให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้น แล้วใช้วิธีชดเชยด้วยการนอนพักผ่อนมากๆ เพราะระหว่างการนอนหลับของเรานั้น กล้ามเนื้อเราก็จะได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแกร่งขึ้นได้เองโดยอัตโนมัติ

ฉันสังเกตจากตัวเองดังนี้ค่ะ

ตั้งแต่ออกจากหน้าจอ มาใช้ชีวิตกลางแจ้งที่บ้านในชนบท ย่างเข้าเดือนที่ 10 ฉันยังคงไม่กินเนื้อสัตว์ (ใหญ่ๆ และสัตว์ปีก ไม่ว่าจะหมูเนื้อไก่เป็ดทุกรูปแบบ) และกินอาหารจากสวนครัวหลังบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันในตอนกลางคืนก็ได้นอนมากขึ้นจากเดิมที่ไม่มีการนอนที่เป็นเรื่องเป็นราว (บางคืนนอนสองสามชั่วโมง) ก็ได้พบว่า น้ำหนักตัวลดลงไปเฉลี่ยเดือนละ 1 กิโลกรัม ขณะที่ร่างกายแข็งแรงบึกบึนขึ้น เดินเหินลุกนั่งคล่องแคล่วขึ้น อย่างสังเกตเห็นได้เลยค่ะ

ทดลองดูนะคะ ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านเสมอนะคะ ❤️

Posted in Uncategorized | Leave a comment

ไม่กินเนื้อแต่ทำไมยังกินปลากุ้งปู ฯลฯ


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ที่เคยติดตามบล๊อกนี้และทุกท่านที่สนใจนะคะ


เช้าวันอาทิตย์ที่สงบเงียบบรรยากาศเหมาะที่จะบอกเล่าความในใจ ที่หลายคนอาจคลางแคลงว่าทำไมฉันบอกเลิกกินเนื้อสัตว์มา 3 ปีแล้ว แต่ทำไมบอกว่ายังคงกิน “กุ้งหอยปูปลา” (หมายถึงสัตว์เล็กๆ ต่างๆ ที่มือแบบมนุษย์อย่างเราสามารถหยิบจับกินได้ นี่ก็จะรวมทั้งไข่และอื่นๆ)  แต่แน่นอนค่ะ โครงสร้างทางชีววิทยาแบบมนุษย์เรานั้นต้องกินผลไม้และผักต่างๆเป็นพื้นอยู่แล้วนะคะ แต่เราไม่ควรละเลยอาหารที่มาจากทะเลหรือแม่น้ำลำคลองเหล่านี้ สำคัญมากค่ะ เพราะว่าเมื่อย้อนไปสำรวจเมื่อครั้งที่เราแยกสายมาจากพวกอุลังอุตัง และกอริลลา มาเป็นมนุษย์เดินสองขาตัวตั้งตรง มาเป็นพวกเก็บของป่าล่าสัตว์ราว 1.8 ล้านปีที่แล้ว ก็พบหลักฐานว่าเราได้กินปลากินไข่ ใช้เครื่องมือประเภทแหหรือตาข่ายดักปลา ฉมวก เบ็ดตกปลาเป็นต้น เราไม่ได้เป็นนักล่าสัตว์ประเภทเสือสิงห์กระทิงแรดแต่อย่างใด แถมเรายังเป็นพวกเก็บของเหลือมากิน scarvenger เช่นกินเนื้อติดกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากที่สัตว์กินเนื้อเหลือทิ้งไว้…

การได้กินสัตว์น้ำทั้งน้ำจืดน้ำกร่อยน้ำเค็มของบรรพบุรุษของเรา ทำให้สมองเติบโตใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะส่วนซีรีเบลลัม ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ควบคุมการทรงตัวและเคลื่อนไหวอวัยวะของร่างกายทำให้เรายืนและเดินสองขาได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งนี้แยกไม่ออกจากการค้นพบไฟนะคะ เอาละค่ะนี่ก็เป็นเรื่องราวที่มาว่าทำไมเรายังกินกุ้งหอยปูปลาอยู่ เดี๋ยวต่อไปจะเขียนต่อว่ามันมีความสำคัญต่อเรายังไงพบกันตอนหน้าค่ะสวัสดี

Posted in Food and drink, Health and wellness, Neovegan, Uncategorized | Leave a comment

ครบรอบสามปีเปลี่ยนนิสัยการกิน


 

สวัสดีค่ะเพื่อนที่รักทุกท่าน

เข้ามาเขียนในรอบนานมากเลยค่ะ เนื่องจากครบ 3 ปีในเดือนนี้ที่ฉันได้ตั้งใจเลิกกินอาหารเนื้อสัตว์ที่ฉันถือว่า “ย่อยยาก” คือจำพวกเนื้อสัตว์ใหญ่ๆรวมสัตว์ปีกค่ะ แต่ฉันสงวนการกินสัตว์น้ำบางชนิดไว้ มีการกินเป็นครั้งคราว ซึ่งมีเหตุผลบางประการที่ฉันจะเขียนถึงทีหลังนะคะ

ในบล็อกก่อนหน้านี้ฉันได้เขียนถึงสิ่งที่ฉันกินและเลิกกินอาหารจำนวนหนึ่ง เช่น กินน้ำมะนาวและน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ เพื่อสร้างความสมดุลย์ความเป็นกรดด่างในร่างกาย ฉันก็ปฏิบัติค่อนข้างสม่ำเสมอ หรือฉันพยายามเลี่ยงอาหารที่ทำจากแป้งสาลีเช่นขนมปัง บะหมี่ อุด้ง ฉันก็พยายามปฏิบัติอย่างค่อนข้างสม่ำเสมอค่ะ หรือที่ฉันพยายามเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด พวกซอส กะปิ น้ำปลาปูเค็ม ฯลฯ. ฉันก็พยายามซึ่งข้อนี้ปฏิบัติยากมากๆ แต่ก็จะพยายามต่อไป เช่นส้มตำก็เลี่ยงตำปูปลาร้ามากินตำไทยหวานน้อยแทน เป็นต้น

อาหารที่กินฉันไม่ได้ทำตามสูตรของใครเป๊ะๆ เช่น ไม่ได้กินตามสูตรอาหารมังสะวิรัติที่เค้ากินพวกแป้งและเต้าหู้เยอะ และก็ไม่ได้เป็นแบบvegan เข้มที่เค้าจะไม่กินไข่ไม่กินพวกน้ำผึ้งอะไรพวกนี้นะคะ

ฉันยังคงกินไข่และกินสัตว์น้ำพวกกุ้งพวกปลาค่ะแต่ก็กินไม่บ่อยนักนะคะ

ทำเพียงเลิกเนื้อสัตว์ต่อเนื่อง 3ปีปัจจุบันฉันได้พบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่ชัดมากคือclear skin ค่ะที่เคยเป็นติ่งเนื้อปุ่มไขมันตามที่ต่างๆ ก็ยุบหายไปเกือบหมดเลย ไม่ต้องไปทำเลเซ่อร์ให้เสียเงินแพงๆ ระบบขับถ่ายดีมากฟันมีหินปูนน้อยลงมาก ไขมันที่สะสมบริเวณสะโพก ไหล่คอก็ค่อยๆหายไปตัว lean. ขึ้นกว่าเดิมแม้ว่าน้ำหนักตัวจะยังคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากค่ะ

นอกจากนั้นก็การนอนดีขึ้น อารมณ์ดีไม่เครียดง่ายไม่ตื่นเต้นตกใจอะไรง่ายๆ

เอาละค่ะเดี๋ยวคราวหน้าจะนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันใหม่นะคะเขียนจากไอแพดทรมานจังเขียนอะไรไปก็มองไม่เห็น คีย์บอร์ดมันขึ้นมาบังตัวหนังสือที่เรากดเขียนค่ะ ไม่รู้ทำไรผิด?

แล้วพบกันอีกค่ะ. 💕❤️😍

Posted in อาหารปลอดเนื้อสัตว์, Food and drink, Fruitarian, Health and wellness, plant_based_food, Uncategorized | Leave a comment

เริ่มทาน ‘มังสวิรัติ’ ทำได้ไม่ยาก


บล็อคของลูกรวงข้าว เขียนเชิงบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจในชีวิตที่ผ่านพบและประทับใจ สร้างสีสันกันนิดหน่อยค่ะ

Not Easy Being a Girl

IMG_3007

มีความรู้สึกว่าอยากจะแชร์เรื่องการทาน มังสวิรัติ เพราะว่ามีหลายๆคนมาถามเหมือนกันเนื่องจากมักจะตะบะแตกกันไปก่อน วันนี้ก็เลยเอาเคล็ดลับที่ตัวเองเคยทำมาแชร์กันเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่ารวงข้าว เป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะมีโรคประจำตัว แต่ที่ผ่านมาคือได้รับฉายาว่า ตัวกินเนื้อ คือ เนื้อย่าง หมูกะทะ บาบีคิวพลาซ่า ชาบู อะไรก็ไม่หวั่น จนกระทั่งมาป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และหมอก็ได้วินิจฉัยว่า ที่ป่วยออดแอดตั้งแต่เด็กๆ ก็เพราะว่ารวงข้าวป่วยเป็น โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ Auto Immune desease หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ตั้งใจว่าเราต้องหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นได้แล้ว โดยเริ่มจากอาหารการกินก่อนเลย รวงข้าวเลยตัดสินใจว่าจะลองเป็นมังสวิรัตดู บวกกับที่ตัวเองเป็นคนสงสารสัตว์อยู่แล้วด้วย จากวันนั้นถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว  (แต่ต้องยอมรับว่ามีกินอาหารทะเลบ้างนานๆที) รวงข้าวสุขภาพดีขึ้นมาก ไม่ป่วยออดแอดเหมือนแต่ก่อนแล้ว หน้าก็ใสขึ้นด้วย แล้วก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรงมากกว่าตอนที่กินเนื้อด้วยซ้ำ ก็เลยอยากจะมาแชร์กับทุกคนที่อยากจะลองทาน มังสวิรัตดู หรือว่า ลองทำแล้วพัง กับวิธีง่ายๆในการเริ่ม เพราะนอกจากจะสุขภาพดีขึ้นแล้วก็ยังเป็นบุญกันด้วยนะคะ สาธุ

IMG_2892

  1. ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนเข้าใจคือการหันมาทานมังสวิรัตคือการเปลี่ยนแปลง ‘พฤติกรรม’ ในการกินของเรา ฉะนั้นการทำแบบหักดิบ คือเลิกทุกอย่างให้หมดเลยเนี่ย มักจะพังไม่เป็นท่าค่ะ เพราะร่างกายเราเองยังไม่คุ้นเคยกับพฤติกรรมการกินใหม่นี้ ฉะนั้นสิ่งที่แนะนำก็คือ ค่อยๆทำค่ะ โดยอาจจะเริ่มจาก 1 วันต่อ อาทิตย์ เราจะกินมังสวิรัติ ทั้งวัน แล้วค่อยๆขยับไปเป็น ทุกๆวันอาหารเช้าจะกินเป็น เมนูมังสวิรัติ โดยส่วนตัวรวงข้าวเริ่มจากชนิดของเนื้อค่ะ คือ เดือนนี้รวงข้าวจะเลิกกินเนื้อวัว และเดือนต่อไปเลิกกินหมูและเนื้อวัว แล้วก็เพิ่มไปเรื่อยๆ แล้วแต่จะเลือกกันค่ะ

IMG_3027

2. เคลียร์ตู้เย็น

เห็นแล้วมันก็อยากกกก แนะนำว่าให้เคลียร์พวกเนื้อต่างๆออกไปค่ะ หรือว่าจะทะยอยกินให้หมดแล้วไม่ต้องซื้อมาเพิ่มก็ได้ แล้วเปลี่ยนเป็นซื้อผัก ผลไม้มาเก็บไว้แทน หรือเนื้อทางเลือก ว่าง่ายๆว่าพวกเนื้อเจ หรือ โปรตีนเกษตร มาไว้ด้วยก็ดีค่ะ

IMG_3810

3. หาแนวร่วม

ชีวิตจะง่ายขึ้นมากถ้ามีเพื่อนร่วมทาง เพราะบางทีทำคนเดียวเราก็จะหาข้ออ้างให้ตัวเอง แต่ถ้ามีอีกคนนึงเรามักจะมีคนคอยเตือนสติ หรือมีคนที่เรารู้สึกเกรงใจว่า เค้ายังไม่กินเลยเราจะกินได้ไง อะไรแบบนั้น รวงข้าวมีคุณแม่ที่มากินมังสวิรัติเป็นเพื่อนหลังจากที่รวงข้าวเริ่มทานมังสวิรัติไปซักพัก รวมถึงคนอื่นๆในครอบครัวรวงข้าวเองก็ช่วยด้วย โดยไม่ชวนกินอาหารที่มีเนื้อแล้วก็เวลาทานข้าวด้วยกันก็จะมีเมนูมังสวิรัติด้วยตลอด แล้วก็มีหมิง แฟนรวงข้าวที่กินมังสวิรัติเหมือนกันด้วยเลยยิ่งสบาย แต่ถ้าไม่มีใครอยากร่วมกับเราก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะตอนแรกสุดรวงข้าวก็เริ่มทำคนเดียวถ้าเรามุ่งมั่นอะไรก็ทำได้

IMG_2525

4. วางแผนเมนูอาหาร

ช่วงแรกๆเราก็มักจะคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี รวงข้าวแนะนำว่าให้เข้าอินเตอร์เนตไปหาเมนูอาหารมังสวิรัติมา แล้วก็วางแผนว่าอาทิตย์นี้จะกินอะไรบ้าง จะได้ไม่มีข้ออ้างว่า มันไม่มีไรกินเลยซื้อหมูปิ้งมากิน อะไรแบบนั้น แล้วเราจะรู้ด้วยว่าไปซุปเปอร์จะต้องซื้ออะไรบ้าง มาทำอาหาร แล้วยังช่วยประหยัดเงินกับการออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยนะคะ

Processed with VSCOcam with f2 preset Raw Cucumber Spaghetti 

5. มีวินัยต่อตัวเอง

สุดท้ายแล้วตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าเราตั้งใจและมุ่งมั่นเราก็จะทำสำเร็จค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราตะบะแตกก็ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพก็คือการหันมากินอาหาร ‘Whole Food’ หรืออาหารที่ไม่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปต่างๆมากนักจะทำให้เราได้สารอาหารอย่างครบถ้วนเป็นอย่างดี สู้ๆค่ะทุกคน

ไว้ถ้าใครอยากได้สูตรอาหารมังสวิรัติจะลองมาโพสต์ให้วันหลังนะคะ 🙂

View original post

Posted in Uncategorized | Leave a comment

อันเนื่องมาจากน้ำตาลมะพร้าว Coconut Sugar!


เรื่องเริ่มมาจากที่ว่า…น้ำตาลมะพร้าว

เจอกันหนไหน คุณดวงกมล เพื่อนรักรุ่นน้องของฉันคนหนึ่งก็มักจะถือน้ำตาลมะพร้าวมาฝากฉันและกลุ่ม ก๊วนเสมอๆ ฉันชอบน้ำตาลนี้มาตั้งแต่เด็กๆคุ้นเคยมาก เพราะแม่ฉันชอบทำขนมและกับข้าวที่ใส่น้ำตาลแบบนี้เสมอค่ะ

ในท่ามกลางกระแสที่เค้าเกรงกลัวกันว่า กินน้ำตาลมากๆ จะอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น ฉันจึงไม่รีรอที่จะ ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตาลชนิดนี้ว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่…

ฉันพบว่า ในบรรดาน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารอยู่ในครัวเรือนเราทั้งหมด น้ำตาลจากมะพร้าวมีคุณค่าทาง โภชนาการ หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากที่สุดเลยจริงๆ ว่าไปแล้วมีครบครันทีเดียวค่ะคือ มีพลังงาน (383 กิโลแคลอรี่) โปรตีน (0.4 กรัม) ไขมัน (0.1 กรัม) คาร์โบไฮเดรต (95 กรัม) แคลเซี่ยม (80 มิลลิกรัม) ฟอสฟอรัส (40 มิลลิกรัม) เหล็ก (11.1 มิลลิกรัม) ไนอะซิน (1.0 มิลลิกรัม) วิตามินเอ (280 ไอยู) ทั้งนี้คิดจากปริมาณ น้ำตาล 100 กรัมเท่าๆ กัน น้ำตาลทรายขาวแทบไม่มีสารอาหารอะไรเลย น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลสีรำ ก็มีสาร อาหารเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ สยามเคมีดอตคอมค่ะ http://www.siamchemi.com/น้ำตาล/ )

นอกจากนั้น ดูจากบล็อคที่ชื่อว่า https://chalobon.wordpress.com/2010/09/24/คุณค่าอาหารของน้ำตาลมะ/ เขียนไว้น่าสนใจว่า น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัมนั้น มีโปแตสเซี่ยมอยู่ถึงประมาณ 1,030 มิลลิกรัม ขณะที่น้ำตาลทรายแดง มีเพียง 6.5 มิลลิกรัม และไม่ต้องพูดถึงน้ำตาลทรายขาวมีเพียง 2.5 มิลลิกรัมเท่านั้น (โปแตสเซี่ยมนั้นมีบทบาทในการ ลดความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับโคเลสเตอรอลและน้ำหนักตัว องค์การอนามัยกำหนดให้ คนปกติควรได้รับสารอาหารโปแตสเซี่ยมต่อวันประมาณ 1,950 – 3,900 มิลลิกรัมค่ะ)

บล็อคข้างต้นยังชี้ว่า น้ำตาลมะพร้าวยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งด้วยนั่นคืออยู่ในกลุ่มอาหารที่มี ค่าดัชนีน้ำตาล หรือ glycemic index (GI) ที่ต่ำ คือ 35 ซึ่งดีมาก เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาล ในเลือดพุ่งสูงขึ้นเร็ว และร่างกายไม่ต้องหลั่งอินซูลินออกมามากเพื่อกวาดน้ำตาลออกไปจากกระแสเลือดค่ะ อันนี้สำคัญมากๆ เพราะการมีอินซูลินในเลือดมากๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลลดลงมากเกินไปค่ะ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ทำให้เรารับประทานน้ำตาลมะพร้าวได้อย่างสบายใจมากขึ้นนะคะ

อ้อ// แต่อย่าลืมว่าต้องดูให้ดีๆ นะคะว่าน้ำตาลมะพร้าวที่ว่านั้นเป็นน้ำตาลมะพร้าวที่ทำมาจากน้ำหวานที่รอง มาจากช่อดอกมะพร้าวจริงๆ เพราะมันจะมีที่ทำจากน้ำตาลทรายเอามาเคี่ยวและผสมน้ำตาลมะพร้าวลงไปในสัดส่วน ที่มากน้อยต่างๆ กัน เพื่อนๆ ต้องทดลองชิมดูว่าออกหวานมันหอมไหม ไม่หวานแหลมนะคะ เนื้อของน้ำตาลก็จะต้อง ไม่แข็งกระด้างจนตักไม่ลง หรือต้องใช้ขวานจาม//

ดูว่าเก็บไว้ ในอุณหภูมิห้องมีเหลวละลาย หรือเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจากเดิมบ้าง นั่นแหละใช่ค่ะ ให้ดีต้องเก็บ ในตู้เย็น ซึ่งก็จะไม่ได้ทำให้เนื้อน้ำตาลเข็งขึ้นมากนักนะคะ เพียงแต่ไม่เหลวป็อดแป็ดและไม่เปลี่ยนสีเร็วเกินไปค่ะ

ก่อนจบขอฝากขอบคุณคุณดวงกมล @wild Thailand ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ไปหาข้อมูลนี้มาเผื่อเพื่อนๆ

ด้วยรักจากใจค่ะ

Posted in อาหารปลอดเนื้อสัตว์, Food and drink, Health and wellness, plant_based_food, Vegan | Leave a comment

การปรับสมดุลย์ใหม่ของร่างกายเมื่อเปลี่ยนอาหาร


Source: การปรับสมดุลย์ใหม่ของร่างกายเมื่อเปลี่ยนอาหาร

Posted in Uncategorized | Leave a comment

การปรับสมดุลย์ใหม่ของร่างกายเมื่อเปลี่ยนอาหาร


สวัสดีค่ะ

วันนี้อยากเขียนถึงเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพต่อค่ะ

ขนมครกเป็นอาหารว่างแบบปลอดเนื้อสัตว์ที่อร่อยมาก ใช้แป้งข้าวเจ้ากับกะทิเป็นหลัก

ขนมครกเป็นอาหารว่างแบบปลอดเนื้อสัตว์ที่อร่อยมาก ใช้แป้งข้าวเจ้ากับกะทิเป็นหลัก

เวลาได้ผ่านไปประมาณ 3-4 เดือนเห็นจะได้นะคะ จากที่ได้เขียนถึงการปรับเปลี่ยนนิสัยการกินใหม่ของตัวเอง (โดยเฉพาะที่ระบุถึงสิ่งที่ลดละเลิกกินเพิ่มเติมจากการเลิกกินเนื้อสัตว์ ซึ่งปฏิบัติมาก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ปี)

ฉันยังคงรักษาวิถีการกินที่ปรับเปลี่ยนล่าสุด เช่นเลิกกินอาหารที่มีแป้งข้าวสาลีผสมอยู่ โดยเฉพาะขนมปัง เส้นบะหมี่ อุด้ง สปาเกตตี้ ทั้งหลายทั้งปวง พยายามเลี่ยงหากต้องกินก็ให้ปริมาณน้อยที่สุด ลดเลิกกะปิน้ำปลาปลาร้า อะไรพวกนี้ เป็นต้น รวมทั้งอาหารทอด อาหารมีน้ำมันต่างๆ

#####

มีสิ่งที่น่าสนใจอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม? มีค่ะ

สภาพที่เด่นชัดสุดคือ… น้ำหนักตัวคงที่ ไม่ได้ลดลงไปจากที่ลดลงไปแล้วประมาณ 4-5 กิโล แต่มี สภาพของร่างกายที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปที่เรารู้สึกเองได้ค่ะ ที่ชัดมากคือความรู้สึกว่าตัวของเราลีนขึ้น (lean) ไมใช่่เหี่ยวค่ะ รู้สึกได้ว่า ไขมันบริเวณคอ ไหล่ สะโพกบน (ยางรถยนต์รอบเอว) รวมทั้งที่ขาโดยเฉพาะบริเวณโคนขา หายไปจริงๆ สังเกตได้จากเวลาเราสวมใส่เสื้อผ้า บริเวณที่เคยตึงคับก็ไม่อีกแล้ว… เป็นต้น

ทุกๆ เช้าเมื่อเราตื่นขึ้นมา เรารู้สึกได้ว่า ร่างกายของเรากำลังแปรสภาพไปจากเดิมทีละน้อยทีละวันๆ ขณะที่ เราไม่ได้รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง หรือมีอาการโผเผผอมแห้งแรงน้อยลงไปแต่อย่างใดค่ะ แต่ละวันรู้สึกอิ่มตลอด และมีแรงที่จะตื่นลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่าพอสมควร ตามวัยนะคะ (ไม่ถึงขนาดลุกขึ้นวิ่งเป็นฟืนเป็นไฟ)

สภาพที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ฉันนึกรู้ได้ว่า นี่แหละคือการปรับสมดุลใหม่ของร่างกายของเรา ระหว่างที่เรา ปรับเปลี่ยนอาหารไปจากเดิมนั่นเอง

อ้อ / มีสิ่งที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาการไอระคายคอได้ทุเลาลงไป จนไม่รู้สึกว่าทรมานอีกแล้วค่ะ ซึ่งอันนี้ก็ ไม่อาจยืนยันว่าหายไปเพราะอะไรนะคะ เพราะมีปฏิบัติการหลายอย่างนอกจากปรับอาหาร เช่นการเลิกเปิดพัดลมใส่ตัวเวลานอน ซึ่งทำเป็นประจำเป็นเวลานานต่อเนื่องตั้งแต่ครั้งที่ไปดูแลแม่ค่ะ

#####

ก็สรุปได้ว่า การปรับเปลี่ยนอาหารน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญของการปรับเปลี่ยนสมดุลของร่างกายใหม่ รวมทั้งน้ำหนักตัวของเราด้วย ในกรณีของฉัน เมื่อเลิกเนื้อสัตว์ ลดแป้งสาลี รวมทั้งน้ำมัน น้ำตาลลงให้เหลือน้อยที่สุด (ไม่อยากพูดว่าไม่กินสิ่งเหล่านี้เลย เช่น เวลาเราซื้อส้มตำไทยมากิน แม่ค้าก็อดไม่ได้ที่จะเหยาะน้ำตาลลงไปหน่อย เราก็กินเข้าไปถือว่าไม่ได้กินทุกวัน) น้ำหนักตัวก็จะอยู่ประมาณปัจจุบันบวกลบไม่มาก และสบายๆ บางครั้งยังรู้สึก กินอิ่มมากเกินไป กินจนพุงกางก็มีค่ะ แต่ตื่นเช้ามันก็หายไปเสียเป็นส่วนใหญ่

หากเราต้องการลดน้ำหนักตัว ลงไปมากกว่าปัจจุบัน เราก็จะต้องปรับนิสัยการกินและการออกกำลังกาย ตลอดจนการนอนพักผ่อนของเราต่อไปค่ะ

#####

ฉันยังมีเป้าหมายที่จะเอาน้ำหนักลงต่อไปอีกด้วยค่ะ เพราะน้ำหนักปัจจุบันยังหนักเกินไปสำหรับเข่า ที่เคยบาดเจ็บจะรองรับไหว สังเกตว่าพอเคลื่อนไหวมากๆ ก็ยังออกอาการอยู่เลยค่ะ ฉันยังต้องลดน้ำหนักตัวลงไป ให้ได้อีกประมาณ 2-4 กิโลกรัมจากน้ำหนักที่ลดลงมาแล้ว 4-5 กก. ค่ะ ยืนยันที่จะลดแบบธรรมชาติ ใช้เวลานานหน่อย แต่ขอให้เส้นกรา๊ฟไหลลงก็เป็นใช้ได้นะคะ

มีเรื่องที่น่าสนใจจะกลับมาเขียนแลกเปลี่ยนต่อไปนะคะ///

แล้วพบกันอีก Au revoir!

Posted in อาหารปลอดเนื้อสัตว์, Health and wellness, plant_based_food | 1 Comment

บันทึกการลดน้ำหนักสำหรับคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ที่รักทุกท่าน

น้ำผลไม้ผสมผักปั่น Green Smoothie อร่อย

น้ำผลไม้ผสมผักปั่น Green Smoothie อร่อย

ในที่นี้จะขอเขียนบันทึกการปฏิบัติในเรื่องกระบวนการกินอาหาร เพื่อลดน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมามาก จนเป็นอุปสรรค ต่อการออกกำลังกายและรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าค่ะ

#####

ก่อนอื่นต้องบันทึกสิ่งที่ลดและเลิกกินก่อนค่ะ

ก) เลิกกินผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากแป้งสาลีทุกชนิด เช่น ขนมปังทุกชนิดรวมแครกเกอร์ ซาละเปา ขนมเปี๊ยะ เส้นบะหมี่ อุด้ง เป็นต้น และลดผลิตภัณฑ์อาหารจากแป้งรวมข้าว เส้นหมี่เส้นใหญ่ และธัญพืช ฯลฯ

ข) เลิกอาหารทอด อาหารผัดน้ำมัน รวมทั้งลดอาหารที่ติดน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันจากพืชด้วย

ค) เลิกขนมที่ใส่น้ำตาลโปรเซสทุกชนิด รวมโยเกิร์ตนมครีมชีส

ง) เลิกของเค็มทุกชนิด โดยเฉพาะที่ใส่เกลือ กะปิ น้ำปลา ปลาร้า ปลาเค็ม ปูดอง ฯลฯ (ของโปรดทั้งหมด)

จ) เลิกดื่มกาแฟทั้งที่มีและไม่มีคาเฟอีน (เป็นเสือถอดเขี้ยวแล้วจริง)

เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยังกินในช่วงที่ไม่กินเนื้อสัตว์ โดยอ้างในใจว่า เพื่อทดแทนกัน… อย่างไรเสีย ก็ถือว่าเป็น “ระยะผ่านหลังเลิกกินเนื้อสัตว์” ในเวลาประมาณปีเศษที่ผ่านมาค่ะ

#####

ไม่โหดไปหรือ?

ลิสต์ข้างบนนี้เป็นอย่างน้อยแล้วค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่า เนื้อสัตว์ก็เลิกกินไปแล้ว ยังมาเลิกเป็นลิสต์ยาวนี่อีก แล้วจะเหลืออะไรที่ยังกินได้ในโลกนี้…

มีค่ะมีของที่กินได้กินดี และพบว่ามันเป็นสิ่งที่ simple มากเลยค่ะ

#####

บันทึกสิ่งที่กินในแต่ละวันโดยหลักๆ ค่ะ

ก) ตื่นเช้ามาดื่มน้ำมะนาว /หรือ น้ำลูกพลัม/ หรือน้ำขิงโดดๆ (แล้วแต่จะมีอย่างไหน) ที่เรียกว่า “น้ำล้างพิษ” Detox water ทำง่ายๆ น้ำมะนาวก็บีบมะนาวหนึ่งลูกผสมน้ำเย็นลิตรนึง แล้วใส่ตู้แช่เย็นไว้ หรือทำเดี๋ยวนั้นใส่น้ำเย็นๆ เติมน้ำแข็ง เอามาเหยือกนึง (ประมาณ 1 ถึง 1.5 ลิตร) แล้วเอามาดื่มเลยก็ได้ค่ะ

ข) หลังจากนั้นสักชั่วโมงเศษก็ดื่มผลไม้ปั่น (สมูธี่) หรือทานผลสดตามฤดูกาลรวมเท่ากับอาหารหนึ่งมื้อ หรือประมาณ 200-300 กิโลแคลอรี่หรือใส่ขวดแก้วได้ประมาณ 700-800 มิลลิลิตร หรือเท่ากับกล้วยหอมขนาดกลาง 3-4 ลูก สตรอว์เบอรี่ 4-5 ลูก บลูเบอรี่กำมือหนึ่ง ผสมน้ำมะพร้าวประมาณแก้วเล็กๆ หากเบื่อก็เปลี่ยนสูตรผสมใหม่ ตามชอบ เช่นกล้วยน้ำว้าผสมส้มเขียวหวาน สับปะรด มะม่วง ได้ทั้งสุกทั้งดิบ มะละกอ ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล ได้ทั้งหมด

ค) กลางวันทานสลัดผักชามใหญ่ๆ (ต้องทานเยอะหน่อยเพราะเราไม่ทานแป้งหรือเนื้อ) ใช้ผักสลัดปลอดสาร ตามใจชอบ ที่สำคัญคือน้ำสลัด ควรทำเองเพื่อเลี่ยงของที่เราไม่พึงรับประทาน น้ำสลัดมีมากมายหลายสูตร คิดประดิษฐ์ จากสิ่งที่เรามีเรากินได้ ฉันมักใช้สูตรน้ำผึ้ง บีบมะนาวเติมซีอิ้วขาวเห็ดหอม กับสูตรน้ำส้มบาลซามิกผสมน้ำมันมะกอก โรยลูกผักชีป่นและพริกไทดำป่น หรือใช้ผักหลากชนิดหลายรสชาติทานพร้อมกันโดยไม่ใช้ราดน้ำสลัดก็ได้ ถ้ายังรู้สึกว่า เบาเกินไป ก็เพิ่มมันฝรั่งหรือมันเทศหรือฟักทองนึ่งเติมเข้ามาสักเล็กน้อยก็ได้นะคะ

ง) ระหว่างวันควรมี Detox water ติดตัวไว้เสมอ ใช้ดื่มแทนน้ำก็ได้ (นอกจากช่วยล้างระบบร่างกายให้สะอาด ยังทำให้เราไม่หิวสะเปะสะปะอีกด้วยค่ะ) เราจะรู้สึกอิ่มและมีความสุขกับชีวิตในทุกย่างก้าวค่ะ

จ) ช่วงบ่ายหากหิวก็ทานผลไม้สด หรือผลไม้ปั่นแบบช่วงเช้าอีกรอบก็ได้ เราก็จะอิ่มเอมไปถึงเย็นเลยค่ะ

ฉ) มื้อเย็นหากหิวก็ทำอะไรเบาๆ ทาน แนะนำว่าควรยังอยู่ในเมนูอาหารที่ยึดผลไม้และผักสดเป็นหลัก จะมีผักลวกต้มบ้างก็เป็นครั้งคราวเป็นส่วนประกอบ เช่น เมนูประเภทเมี่ยงผักต่างๆ พยายามเลี่ยงของดองค่ะ

#####

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่กระบวนการลดน้ำหนักไม่ได้ทำให้มีความลำบากในเรื่องการกินอาหาร ไม่รู้สึกหิวโหย โรยแรง ในทางตรงข้ามอิ่มมีความสุขและกระปรี้กระเปร่าดี การนอนก็ดีขึ้น ไม่ดื่มกาแฟก็ไม่ง่วง ไม่ปวดศีรษะด้วยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องมีวินัยอย่าเผลออย่าหลุดอย่าลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำดีท็อกซ์ เป็นหัวใจสำคัญอันหนึ่ง ที่ทำให้เราไม่หิว และผลไม้ทำให้เราอิ่มเอมเปรมใจมาก ผักสดก็ทำให้ได้รับสารอาหารแร่ธาตุครบถ้วนไม่ขาดพร่อง

หาร้านเจ้าประจำที่เราจะได้ผลไม้และผักสดที่ดีๆ มาไว้รับประทานได้สม่ำเสมอ และเปิดพื้นที่ในตู้เย็นเอาไว้ แช่แข็งผลไม้สุกที่เรากินเป็นประจำไว้เยอะๆ…

มันเป็นกระบวนการลดน้ำหนักที่เรียบง่ายมากเท่าที่ฉันเคยปฏิบัติมาในชีวิตก็ว่าได้ค่ะ///

Posted in Food and drink, Fruitarian, Health and wellness, plant_based_food, raw_vegan, Vegan | Leave a comment

ท่องเที่ยวในประเทศ บุกลุยไปทุกหย่อมหญ้าที่อยากไปสัมผัส (4)


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ที่รักทุกท่าน ขอบคุณนะคะที่คลิกมาอ่านเรื่องเบาๆ ที่บล็อกนี้

เส้นทางอาหารของเรามาถึงเชียงคานแล้วค่ะวันนี้

ระหว่างทางไปเชียงคาน โชว์เฟอร์ใจดี จอดให้เราลงไปเลือกซื้อผลไม้ที่วางขายอยู่ริมทาง ฉันซื้อสับปะรด ลูกเล็กๆ ถุงใหญ่เบ้อเริ่ม 50 บาทเท่านั้น นับคร่าวๆ ดูเหมือนจะได้ราวๆ 6-7 ลูก หวานฉ่ำมากๆ ด้วย คนอื่นๆ ก็ซื้อผลไม้ และของกินแปลกๆ แล้วแต่รสนิยมค่ะ เช่น ผู้นำทัวร์ซื้อ “ข้าวหลามยาว” ที่ขึ้นชื่อของเชียงคานมาให้ลูกทัวร์ได้ชิม กระบอกยาววัดได้ เกือบเมตร ส่วนคุณเจ๊นิมิต ซื้อลูกท้อสีเหลืองทองถุงกลางๆ แม่ค้าบอกอีกสองวันสุกกินได้ หวานอร่อยมาก คุณเจ๊กะหิ้วขึ้นเครื่องมาลองชิมที่บ้าน เป็นลูกท้อเมืองร้อนที่หน้าตาไม่เหมือนที่เรารู้จัก

นอกจากนั้น ผู้นำทัวร์ที่น่ารัก ก็พาคณะเราไปเยี่ยมชมร้านผลิตและจำหน่ายมะพร้าวแก้วยายตี๋ ที่อร่อยพิเศษ ขึ้นจากกะทะชุ่มๆ ใหม่ๆ นิ่มๆ ชิมทันที อร่อยแล้วซื้อติดมือกลับไปฝากมิตรสหายทางบ้านกันคนละ กิโลสองกิโล เยี่ยมชมไปชิมไปจนรู้สึกพุงจะหนักๆ พอควรก็เดินทางไปต่อ

ลูกท้อที่ริมทางระหว่างไปเชียงคาน

ลูกท้อที่ริมทางระหว่างไปเชียงคาน

ข้าวหลามยาวของกินขึ้นชื่อของเชียงคาน

ข้าวหลามยาวของกินขึ้นชื่อของเชียงคาน

มะพร้าวแก้วยายตี๋

มะพร้าวแก้วยายตี๋

มื้อกลางวันสุดแซ่บที่แก่งคุดคู้

เรามาถึงแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ท่านที่มาที่นี่บ่อยๆ ก็คงจะ นึกภาพออกว่า ณ จุดชมวิวแก่งคุดคู้นี้ มีร้านอาหารแบบตลาดนัดให้เลือกสั่งได้ตามชอบ มีเมนูเด็ดๆ ที่เป็นสัญญลักษณ์ ของแก่งคุดคู้ เชียงคาน หลายรายการค่ะ เราสั่งส้มตำ ต้มยำปลาคังจากลุ่มน้ำโขงอันร่ำลือ ปลาเผา ที่ใช้นิลกระชังน้ำโขง ตัวใหญ่ยักษ์เนื้อหวานอร่อย น้ำจิ้มสุดแซ่บ นอกจากนั้น ยังมีปลาน้ำโขงตัวเขื่อง และ ปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบจิ้ม น้ำจิ้มเฉพาะ เรียกว่ามีปลาเป็นหลักเลย แต่จะยังไงๆ ก็ยังมีไก่ทอด ไก่ย่าง กลิ่นหอมฉุย มาพร้อมน้ำจิ้มมากมายมา ให้เลือกรับประทานกันในมื้อใหญ่นี้ด้วย

ฉันเกาะจานส้มตำไทยใส่ปู ต้มยำปลาคังและปลาเผาน้ำจิ้มสุดแซ่บ อย่างแนบแน่นตลอดงานเลยค่ะ

ขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะ ดูบรรยากาศผู้คนมากมายคึกคักแล้วก็เดาได้ว่าอร่อยค่ะ

มื้อค่ำปลาเผาหม้อไฟใต้แสงจันทร์ที่เชียงคาน

ส่วนในช่วงเย็น หลังจากที่ทุกคนยืดเส้นยืดสาย เดินชมร้านรวงลานตาไปตามถนนคนเดิน และให้คณะของเราได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจจากการทำ “ผาสาด” ไปลอยกลางแม่น้ำโขงเรียบร้อยแล้ว ผู้นำทัวร์ที่น่ารักได้จัดมื้อพิเศษให้เราได้รับประทานอาหารค่ำเชียงคานแท้ ที่ร้านมีชื่อของที่นี่ ในเมนูพิเศษ ปลาน้ำโขงหม้อไฟ ปลาเผาขนาดใหญ่ที่มีในท้องถิ่น มีการเสิร์ฟอาหารท่ามกลางแสงจันทร์ และแสงไฟ ใต้หม้อน้ำแกงร้อนๆ ก็เลยได้ประทับใจในทุกอย่างกันอย่างเต็มอิ่มเลยค่ะ

ฉันวนเวียนอยู่กับจานปลาเผาและต้มยำหม้อไฟเช่นเคยค่ะ แถมยังได้กินหัวปลาของโปรด โดยไม่มีใครแย่งอีกด้วย ฮ่า…

มื้อเช้าที่ศรีเชียงคานกับเมนูพิเศษให้ได้ตื่นเต้น:

ก่อนขึ้นเครื่องเดินทางกลับ ตอนเช้าเราได้ออกเดินยืดเส้นยืดสายชมเมืองเชียงคานโดยการเดินไปตลาดเช้า ต่างได้ของหอบหิ้วกลับมาแจมอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดให้ ตามแต่ใจชอบของแต่ละคน บางคนก็ได้ก๋วยจั๊บ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ปลาท่องโก๋ยัดไส้หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน น่องไก่ทอดร้อนๆ ขึ้นจากกระทะใหม่ๆ ฯลฯ ฉันได้ข้าวผัดผักรวมของโรงแรม แจมกะขนมจีนน้ำเงี้ยว รวมทั้งชุดไข่ดาวขนมปังปิ้งและกาแฟค่ะ

ก๋วยจั๊บในตลาดเช้าเชียงคานปรุงทีละชามหอมฉุย

ก๋วยจั๊บในตลาดเช้าเชียงคานปรุงทีละชามหอมฉุย

ปลาท่องโก๋ยัดไส้หมูกรอบนอกนุ่มใน

ปลาท่องโก๋ยัดไส้หมูกรอบนอกนุ่มใน

นั่งทานมื้อเช้าที่ระเบียงของโรมแรมศรีเชียงคาน ริมถนนคนเดิน

นั่งทานมื้อเช้าที่ระเบียงของโรมแรมศรีเชียงคาน ริมถนนคนเดิน

ขนมจีนน้ำเงี้ยวน้ำซุปเครื่องในหมูกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เลย

ขนมจีนน้ำเงี้ยวน้ำซุปเครื่องในหมูกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เลย

น่องไก่และอื่นๆ ทอดกรอบขึ้นจากกระทะใหม่ๆ ส่งกลิ่นชวนชิม

น่องไก่และอื่นๆ ทอดกรอบขึ้นจากกระทะใหม่ๆ ส่งกลิ่นชวนชิม

กล้วยที่ตลาดหวีละ 10 บาท ถูกกว่าที่ตลาดบ้านเราเยอะนะ

กล้วยที่ตลาดหวีละ 10 บาท ถูกกว่าที่ตลาดบ้านเราเยอะนะ

ก่อนอำลาฝากมื้ออร่อยให้จำฝังใจที่เมืองเลย: ในช่วงมื้อกลางวัน โปรแกรมเมอร์จงใจให้คณะทัวร์ยากจะลืมเลยด้วยการพาไปรับประทานมื้อกลางวันสั่งลา ที่ภัตตาคารหรูของเมืองเลย นั่นคือร้านอาหารล้านช้าง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัด อาหารอร่อยจริงๆ ค่ะแต่ละเมนูได้สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน สังเกตจากไม่มีเสียงใครบ่นอะไร ก้มหน้าก้มตารับประทานกัน อย่างเป็นที่รื่นรมย์ ฉันชอบเมนูปูหลนรสชาติกลมกล่อมที่มีผักเคียงมาเยอะๆ นั่นมากๆค่ะ

บอกได้เลยว่า เส้นทางอาหารเที่ยวนี้ ที่น่าจดจำสำหรับฉันซึ่งชอบกุ้งหอยปูปลา คือ อาหารเชียงคานที่มีปลาเป็นศูนย์กลาง ปลาอร่อยมากๆ ทุกรายการ ฉันคิดว่าเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำโขง ที่นี่จึงมีปลาต่างๆ นานาให้เลือกทานกัน อย่างไม่อั้นเลยทีเดียวค่ะ ไม่รู้มีใครติดใจจนอยากย้ายมาอยู่เชียงคานไหมนะคะ? จะได้กินปลาแม่น้ำโขงกัน

…เอ้อๆ จริงๆ อย่าลืมอีกอย่างนึงค่ะ เค้ายังมีข้าวหลามยาวที่กินเข้ากันกับมะขามหวานด้วยค่ะ เท่ากับ ได้สูตรของกินใหม่ๆ มาด้วยนะคะ “ข้าวหลามเชียงคานกินกับมะขามหวาน” สูตรทดลองกินดูแล้วรับรองอร่อยอย่าบอกใครค่ะ

เอาละค่ะ ว่าด้วยเส้นทางอาหารระหว่างท่องเที่ยวก็หมดเท่านี้นะคะ แต่หากท่านใดมีความเห็นหรือรายละเอียดอยากจะเพิ่มเติม จะเขียนคอมเมนท์ในบล็อกนี้ หรือผ่านเฟซบุ๊กก็ได้ค่ะ

ตอนต่อไป คิดว่า ถ้าหากมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่พัก ก็จะนำมาเขียนเล่าอีกนะคะ พบกันบล็อกหน้า ตอนนี้สวัสดีลาก่อนคะ

ขอให้บุญรักษาทุกท่านให้มีความสุขสงบในชีวิตที่ต้องโลดแล่นตลอดไปค่ะ

รักเสมอๆๆ เลย///

Posted in ecotourism., Food and drink, Travel | Leave a comment

ท่องเที่ยวในประเทศ บุกลุยไปทุกหย่อมหญ้าที่อยากไปสัมผัส (3)


เส้นทางอาหารการกินระหว่างการท่องเที่ยว จ.เลย

อาหารเช้าแบบนานาชาติที่ภูนาคำรีสอร์ต: เนื่องจากคืนแรกของการเดินทางของคณะเรา ผู้จัดโปรแกรม ออกแบบให้เราพักในรีสอร์ตสไตล์ฝรั่ง ภายใต้กลิ่นไอเอเชีย ที่ภูนาคำรีสอร์ตนี่นะคะ อาหารเช้าของเราจึงมีสไตล์ แบบนานาชาติ มีทั้งข้าวต้มเครื่อง กาแฟขนมปังปิ้ง ใครชอบแบบ คอนติเนนตอลก็ได้ หรือจะเป็นอาหารเช้า แบบอเมริกัน มีไข่ดาวหมูแฮมก็ได้อีกเช่นกัน นอกนั้นยังมีสลัดผักสดๆ อีกด้วย ที่นี่กาแฟอร่อยหอมเป็นแบบ กาแฟบดใหม่ๆ ชงเดี๋ยวนั้นค่ะ ที่ฉันเพลิดเพลิน มากที่สุดคือ กาแฟกินกับกล้วยตากที่อร่อยมากจนเกือบหยุดไม่ได้ ในความหวานนุ่มตามธรรมชาติของกล้วยตากที่นี่ค่ะ

กล้วยตากเนื้อนุ่มหวานอร่อย ฉันฟาดไปเกือบหมด

กล้วยตากเนื้อนุ่มหวานอร่อย ฉันฟาดไปเกือบหมด

สลัดผักเลือกตามชอบ

สลัดผักเลือกตามชอบ

ข้าวต้มเครื่องรสกลมกล่อม

ข้าวต้มเครื่องรสกลมกล่อม

สำหรับคนชอบขนมปัง ปิ้งเสร็จก็มาที่นี่ เที่ยวนี้ลืมถ่ายหม้อต้มกาแฟมาด้วย

สำหรับคนชอบขนมปัง ปิ้งเสร็จก็มาที่นี่ เที่ยวนี้ลืมถ่ายหม้อต้มกาแฟมาด้วย

คณะของเรารับประทานอาหารกลางวัน ณ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ก่อนเดินทางขึ้นภูหลวง พร้อมกับเจ้าหน้าที่นำทาง อาหารเป็นกับข้าวธรรมดา แต่ก็เป็นมือที่อร่อยมื้อหนึ่งทีเดียว เนื่องจากเป็นอาหารที่ทำเสร็จ ใหม่ๆ เสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ มื้อนี้ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เนื่องจากต้องมีการฟังบริฟท์ข้อมูลเกี่ยวกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง พร้อมดูวิดีโอ ผ่านมัลติมีเดียต่อเนื่องไปเลย อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ “ครัว” เขตภูหลวง และขอบอกว่า อาหารมื้อนี้ ได้ให้พลังอย่างวิเศษกับคณะเรา ทำให้สามารถเดินขึ้นและลงชื่นชมภูหลวงได้อย่างสบายๆ ไม่เกิดอาการจุกแน่นท้อง ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้เราหิวโหย ก่อนเวลาอันควร ถือได้ว่า เป็นอาหารมื้อที่ออกแบบมาอย่างเหมาะเจาะมื้อหนึ่งทีเดียว คุณเยี่ยมมากค่ะ //

มื้อค่ำท่ามกลางป่าเขา ณ “ชัชนารถรีสอร์ต” บรรยากาศสงบงามอย่างเรียบง่าย:

คณะเราลงจากภูหลวงก็เย็นพอดี ถึงชัชนารถรีสอร์ตเมื่อตอนย่ำค่ำแล้ว… อาบน้ำอาบท่าเสร็จ สักพักก็ได้เวลา อาหารเย็น ฉันและคุณเจ๊นิมิตอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมออกเดินฝ่าความมืด ตาม “น้องจอย” (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหน้าที่ ต้อนรับและผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ต ไปรับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารกลางของรีสอร์ตแห่งนี้ เพื่อนๆ คะ ในค่ำคืนวันนี้ ซึ่งเป็นคืนที่สองของการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเลยของคณะเรา โปรแกรมเมอร์ ได้จัดให้เราเข้าพักที่รีสอร์ตสไตล์ท้องถิ่น ที่ได้ขึ้นชื่อว่าอนุรักษ์ธรรมชาติฟื้นฟูผืนป่า น้ำและสภาพแวดล้อมค่ะ ดังนั้น เค้าจึงมีของเด็ดๆ ให้เราก็ได้สัมผัส เช่นก่อนจะได้ทานอาหารก็ต้องเดินขึ้นเนินไป พอเหนื่อยกร่ำๆ สำหรับ สสว. เมนูอาหารค่ำนี้เป็นประเภทปิ้งย่างทานกับน้ำจิ้มและน้ำซุปที่ใส่ผักและวุ้นเส้น เรียกกันทั่วไปว่า “หมูกระทะ”

บรรยากาศดีมากค่ะ ในอุณหภูมิที่เย็นลงจากที่มีฝนตกเล็กน้อยเมื่อช่วงบ่ายตอนที่เราลงจากภูหลวง และท่ามกลาง เสียงหริ่งหรีดเรไร และแสงไฟที่วอมแวมและแมกไม้ป่าเขา …คิดดู…ว่า เรากินอาหารปิ้งย่างกันค่ะ (น่าจะมีใครมา เล่นกีตาร์อะคุสติกแบบย้อนยุคใต้แสงตะเกียงส่องแสงวอร์มไวท์ด้วยนะ)

แม้ว่าฉันได้ปาวารณาไม่กินเนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งหมู เนื้อ ไก่ แต่ก็ยังเหลือพวกกุ้งหอยปูปลาไว้ที่ขอบจานอยู่บ้าง และก็สามารถปิ้งต้มผักผลไม้กินไปพร้อมกันก็ได้ ฉันยังได้ปิ้งหมูหมักที่หอมๆ อร่อยๆ ให้กับเพื่อนร่วมโต๊ะ ได้อร่อยไปพร้อมๆ กับทุกคน และชื่นชอบบรรยากาศในคืนนี้มากค่ะ 11024883_322655057931441_1429683251_o 11025473_322655041264776_993584776_o 11018812_322560234607590_7500790359536851513_n 11041722_322560191274261_5337222122105484110_n กินอิ่มพอประมาณและนอนอุ่นหลับสบายตลอดทั้งคืนแล้ว ตื่นขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างสดชื่นสบายใจ เสร็จแล้วพากันเดินขึ้นเนินไปรับประทานอาหารเช้า ทุกอย่างดูเหมือนจัดไว้อย่างลงตัว มีบรรยากาศที่สงบงาม อย่างเรียบง่าย

อาหารเช้าที่รีสอร์ตอนุรักษ์ป่า: มีเมนูที่ให้เลือกได้หลายอย่างสามารถสั่งได้ตามรายการ ซึ่งอร่อยทั้งหมด (ยืนยันกันทุกคน) ฉันเลือกข้าวต้มน้ำซุปกระดูกหมูตุ๋นใสเห็ดจากไร่ ไข่ดาวกระทะเสิร์ฟมาทั้งชุด ดูอร่อย และยังมี ขนมปังไส้หมูสับ (มีคนบอกว่าเป็นแบบเวียดนาม) ที่มีเนื้อขนมปังที่นุ่มอร่อยเนื่องจากเป็นขนมปังแบบโฮมเมดค่ะ

มื้อนี้อร่อยฉันทานข้าวต้มสองชาม (ที่นี่เค้าทำชามเล็กๆ น่ะค่ะ) และตบท้ายด้วยไข่ดาวอีก 1 ฟอง เต็มๆ อิ่มพอดีๆ เลยทีเดียว ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาฝากอีกแล้ว (มือหนักตักแต่ข้าว) แต่มีภาพที่ทุกคนนั่งทานร่วมกัน อย่างรื่นรมย์มาฝากแทน ขอบอกว่า ระหว่างที่นั่งทานมื้อเช้ากันนี้ มีเสียงเรไรร้องกล่อมด้วยตลอดเลยค่ะ

อนึ่ง ในเส้นทางอาหารที่ชัชนารถรีสอร์ตนี้ ยังมีสิ่งที่ทุกคนตื่นเต้นเป็นพิเศษคือ สตรอเบอร์รี่ที่มีรสหวานฉ่ำ ชื่นใจ เก็บมาสดๆ ใหม่ๆ จากไร่ (สวน) เล็กๆ ของรีสอร์ตเอง ซึ่งก่อนจะจากมาก็ได้พากันเดินไปเยี่ยมชม ทั้งสวน สตรอเบอร์รี่ และยังมีแปลงผักสลัดที่ทานกันสดๆ หวานกรอบเมื่อคืนด้วย และได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกกันอย่างเต็มที่ ก่อนอำลามุ่งหน้าสู่เชียงคานต่อไปค่ะ

ทานอาหารเช้าที่ชัชนารถรีสอร์ต

ทานอาหารเช้าที่ชัชนารถรีสอร์ต

เก็บสตรอเบอร์รี่หวานกรอบจากไร่ของชัชนารถเองค่ะ

เก็บสตรอเบอร์รี่หวานกรอบจากไร่ของชัชนารถเองค่ะ

สำหรับเส้นทางอาหารระหว่างการเดินทางที่เหลืออีก 1 วันครึ่งก่อนเดินทางกลับนั้น โปรดติดตาม ในบล็อกถัดไปนะคะ มีช็อตเด็ดมากฝากกันอีกเพียบเลยค่ะ สวัสดีลาไปก่อนนะคะ แล้วพบกันอีกๆๆๆ/// ด้วยรักทุกท่านเสมอ///

Posted in ecotourism., Food and drink, Travel | Leave a comment